วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีฝึกภาษาอังกฤษ เหมือนเรียนภาษาไทย

" ความสำเร็จ .. ต้องแลกมาด้วยความพยายาม มุ่งมั่น ฝึกซ้อม และทำซ้ำๆ "

คำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษมาเลย ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้
  1. ให้อ่าน A-Z ให้คล่อง โดยให้อ่านครั้งละ 3 ตัว ตอนแรกให้อ่าน A-B-C จนอ่านได้คล่อง แล้วอ่าน D-E-F จนคล่องอีก จากนั้นกลับมาอ่าน 6 ตัวรวด A-B-C-D-E-F จนกระทั่งคล่องอีก แล้วจึงให้ต่อ G-H-I จดคล่อง แล้วจึงให้กลับมาอ่าน 9 ตัวรวด A-B-C-D-E-F-G-H-I จนคล่องอีก ทำไปอย่างนี้จนถึง Z
    .
  2. ให้คัด A-Z ทั้งตัวใหญ่และเล็ก อย่างละ 10 บรรทัด (พยายามเขียนให้ติดๆ กัน จะได้เขียนได้มากๆ)
    .
  3. เริ่มบทเรียนที่ 1 ประโยคแรกให้สะกดทุกคำให้ล่อง แล้วจึงให้อ่านทั้งประโยค This is a man. สัก 20-30 ครั้ง จนคล่องดี แล้วไปประโยคที่ 2 เริ่มต้นสะกดตัว woman จนคล่อง จากนั้นให้อ่านประโยค This is a woman. สัก 20-30 ครั้งอีก ก่อนจะให้อ่านประโยคที่ 3 ก็ต้องให้อ่าน 2 ประโยคที่ฝึกมาให้คล่องเสียก่อน เพื่อป้องกันเรียนหน้าลืมหลัง การฝึกประโยคต่อไป ก็ให้ทำในทำนองเดียวกัน เช่น ในประโยคที่ 3 ตอนแรกให้สะกดคำ boy ก่อน แล้วจึงอ่านทั้งประโยค ข้อสำคัญที่สุดอย่าฝึกประโยคใหม่ จนกว่าจะสามารถอ่านทุกๆ ประโยคตั้งแต่คนมาจนคล่องเสียก่อน เช่นฝึกมาถึงประโยคที่ 9 แล้ว จะต้องให้ฝึกอ่านทบทวนมาตั้งแต่ประโยคที่ 1 ถึง 9 ให้คล่องเสียก่อน จึงจะฝึกประโยคที่ 10 ต่อไป
    .
  4. จากนั้นก็มาถึงตอน ถาม-ตอบ ให้ฝึกอ่านเฉพาะคำตอบ Yes, this is a man. สัก 10 ครั้ง แล้วจึงฝึกถามให้ตอบเฉพาะคำตอบ ข้อละ 5 ครั้งจนถึงข้อที่ 20 แล้วให้ฝึกอ่านเฉพาะคำตอบข้อที่ 21 No, this is not a man. สัก 10 ครั้ง จากนั้นฝึกถามตอบข้อละ 5 ครั้งอีก ไปจนถึงข้อสุดท้าย

    (ยังมีต่อ) 

สำหรับผู้ที่เคยเรียนภาษาอังกฤษมาแล้ว

การเริ่มต้นคือ ให้ฝึกอ่านออกเสียง ส่วนที่เป็น Reading 3-5 เที่ยว จากนั้นให้อ่าน ข้อที่ 1 - ถามตอบประมาณ 5-10 ครั้ง เมื่อเห็นว่าอ่านคล่องแล้วก็ให้ดูประโยคแรกของข้อที่ 2 โดยไม่อ่านออกเสียง แล้วก็เงยหน้าขึ้นพูดประโยคในข้อที่ 2 ดังๆทุกๆประโยค ทั้งประโยคคำถามและคำตอบซึ่งจะทำได้เำพราะมีโครงสร้างเหมือนกัน

เช่นข้อที่ 1 ว่า
Is the man in the room?
Yes, the man is in the room.
Where is the man?
The man is in the room.

Is the man in the room?
Yes, the man is in the room.
Who is in the room?
The man is in the room.

เมื่อฝึกอ่านข้อนี้หลายๆ เที่ยว ก็จะจำโครงสร้างได้ แล้วก็ดูประโยคแรกของข้อที่ 2 โดยมิได้อ่านออกเสียง ปรากฎว่า เป็น Is the woman in the kitchen? ก็สามารถตั้งคำถามและตอบได้ทันทีเป็น

Is the woman in the kitchen?
Yes, the woman is in the kitchen.
Where is the woman?
The woman is in the kitchen.

Is the woman in the kitchen?
Yes, the woman is in the kitchen.
Who is in the kitchen?
The woman is in the kitchen.

และให้ทำข้อที่ 3 กับข้อต่อไปเช่นเดียวกัน จะเห็นว่าสามารถฝึกพูดได้คล่อง เท่ากับพิสูจน์ว่า เราสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ทันทีที่เริ่มเรียน

เมื่อไรจะพูดภาษาอังกฤษได้ ?

" สิ่งที่พ่อแม่ต้องการ เพียงแค่เห็นลูกๆประสบความสำเร็จ .. เพียงเท่านี้จะทำให้ท่านไม่ได้เชียวรึ? "

ขอให้ความเข้าใจบางอย่างเสียก่อน คนไทยแทบจะทั้งนั้นที่เรียนภาษาอังกฤษ นึกว่าตนจะพูดภาษาอังกฤษได้ ก็ต่อเมื่อรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษมาก ๆ และต้องเรียนหนังสือจบไปหลาย ๆ เล่ม หรือต้องใช้เวลาเรียนอยู่หลาย ๆปี คนบางคนให้คำแนะนำเพื่อน หรือครูบางคนให้คำแนะนำนักเรียนว่า หนังสือเล่มนั้น เล่มนี้ดี หรือชุดนั้น ชุดนี้ดี ถ้าเรียนจบทั้งเล่มหรือทั้งชุดรับรองว่าพูดภาษาอังกฤษได้แน่ ๆ ขอยืนยันว่า การเข้าใจอย่างนี้ หรือการให้คำแนะนำกันอย่างนี้เป็นสิ่งที่ผิด

 การที่เราพูดภาษาไทยได้นั้น ไม่ได้หมายความว่าเรารู้ศัพท์ภาษาไทยทุกคำ หรือเมื่อเทียบศัพท์ภาษาไทยที่เรารู้ กับที่มีอยู่ในพจนานุกรมทั้งหมด จะเห็นว่าเรารู้ศัพท์ภาษาไทยน้อยมาก แต่ในภาษาไทยนั้น เรารู้ศัพท์กี่คำ เราก็สามารถนำศัพท์เหล่านั้น มาแต่งประโยคพูด และเขียนได้ทุก ๆ คำที่เรารู้

 ภาษาอังกฤษก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ศัพท์ใน Dictionary ของมหาวิทยาลัย Oxford ฉบับ ใหญ่สุดมีอยู่ถึง 414,826 คำ เราไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ศัพท์เหล่านั้นหมดจึงจะพูดภาษาอังกฤษได้ แต่เรารู้ศัพท์กี่คำเราจะต้องสามารถนำศัพท์เหล่านั้นมาแต่งประโยค พูดและเขียนให้ได้

ฉะนั้นอย่ารอรีอีกต่อไป อย่ารอว่าต้องใช้เวลาเรียนหลายๆปี อย่ารอว่าต้องรู้ศัพท์มากๆ อย่ารอว่าต้องเรียนหนังสือให้จบไปหลายๆเล่ม จึงจะพูดหรือเขียนได้

แต่ในชั่วโมงนี้เรียนศัพท์ได้กี่คำ ก็จะต้องสามารถนำศัพท์เหล่านั้นมาแต่งประโยคพูด และเขียนให้ได้

วิธีที่จะให้จำได้นั้น ก็ต้องอ่านแต่ละประโยคหลายๆ ครั้ง เมื่ออ่านได้คล่องแล้ว ต้องตั้งเป็นประโยคคำถาม เพื่อให้ตอบ เป็นการฝึกให้มีความจำในสิ่งที่ได้เรียนและเป็นการฝึกพูดไปในตัว

จะพูดภาษาอังกฤษได้จะต้องตั้งคำถามและตอบให้มากที่สุด